พระร่วงรางปืน “กรุเก่า” อายุ 600 กว่าปี
พระในฝันของใครหลาย ๆ คน แต่จะมีสักกี่คนที่มีวาสนาได้ครอบครอง
อำนาจพุทธคุณ คงกระพันชาตรี เสริมโชคลาภ วาสนา
เราคงจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “เงินคือแก้วสารพัดนึก”
ซึ่งสามารถจะซื้ออะไรก็ได้ หากใจปรารถนา แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เงินไม่อาจซื้อได้
สิ่งนั้นคือพระเครื่อง ยิ่งเป็นพระเครื่องในฝันด้วยแล้ว
โอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของแทบไม่มีเลย หากเจ้าของไม่ต้องการขาย
ในอดีตผมเคยทำหนังสือพระเครื่องฉบับหนึ่ง ด้วยหน้าที่จึงต้องศึกษาเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของพระเครื่องชนิดต่าง ๆ คือ พระกรุเก่า ในความรู้สึกของผม พระเครื่องสกุลเบญจภาคี ความน่าสนใจอยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อได้ศึกษาพระเครื่อง “สกุลพระร่วง” บอกได้เลยว่ามีความน่าสนใจมากทีเดียว
พระเครื่องในสกุลของพระร่วง มีอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์ แต่มีอยู่พิมพ์หนึ่งซึ่งมีความโดดเด่น คือ พระร่วงหลังรางปืน การที่ตั้งชื่อว่าพระร่วงหลังรางปืน เนื่องจากด้านหลังขององค์พระ มีลักษณะเป็นร่องคล้ายรางปืน จึงเป็นที่มาของพระร่วงหลังปืน
ความโด่งดังของพระร่วงหลังรางปืน ปรากฏเป็นข่าวคึกโครมบนหน้าหนังสือพิมพ์
เมื่อมีคนร้ายเข้าไปชิงทรัพย์เจ้าของร้านอาหาร และได้มีการต่อสู้เกิดขึ้น
คนร้ายได้ใช้ปืนยิงเจ้าของร้านอาหาร แต่ปรากฏว่ากระสุนปืนของคนร้าย
ไม่ได้ระคายผิวเจ้าของร้านอาหาร แต่เสื้อเป็นรูกระสุนไหม้เกรียม
คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงหลบหนี เจ้าของร้านได้เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
บนคอห้อยพระร่วงหลังรางปืนองค์เดียว
.
พระร่วงหลังปืนทุกองค์ ล้วนมีอำนาจพุทธคุณตรงกัน คือ มีความโดดเด่นเรื่องคงกระพันชาตรี .
ส่วนเรื่องเมตตามหานิยม ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่พระเครื่องทุกองค์ต้องมีอยู่แล้ว
แต่สนนราคาของพระร่วงหลังรางปืน ไม่ใช่อยู่ที่หลักล้าน
หากแต่ต้องเป็นเงินหลาย ๆ ล้านจนถึงสิบล้านขึ้นไป
พระร่วงหลังรางปืน จึงเป็นเพียงพระเครื่องในความฝัน!
การที่ท่านอาจารย์แขกนำเสนอเรื่องราว “พระร่วงหลังรางปืน”
เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสที่ดี (จริงๆ)
ได้มีโอกาสได้ครอบครอง “พระเครื่องในความฝัน” ในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
(ตามสไตล์ของท่านอาจารย์แขก คือ ต้องการให้สมาชิกฯ
มีวัตถุมงคลดี ๆ ใช้ ในราคาที่ตัวเอง “ขาดทุน” ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ คือ
ไม่มีคำว่ากำไร ไม่มีคำว่าเท่าทุน)
.
พระร่วงรางปืนหรือพระร่วงหลังรางปืน “มวลสาร” มีความละม้ายกับพระท่ากระดาน
จังหวัดกาญจนบุรี อย่างชนิดแยกไม่ออก เป็นพระเนื้อชินตะกั่ว สนิมแดง
แต่รูปทรงขององค์พระจะไปคล้ายกับ “กรุวัดราชเดชะ จังหวัดสุพรรณบุรี”
แต่พระของกรุวัดราชเดชะ มีสีแดงคล้ายลูกหว้า แต่สำหรับพระร่วงที่นำเสนอ
สีจะออกแดงแตกใยแมงมุม คล้ายกับพระทางจังหวัดสุโขทัย
.
สำหรับชนวนมวลสารขององค์พระ “เก่ามาก” ตอนที่ “กรุแตก”
พระอาจารย์ได้นำพระมาใส่ในตุ่มใส่น้ำมนต์ เป็นระยะเวลานานถึง 4 ปี
ทำให้พระบางองค์ปรากฏเป็นรอยคราบสีขาว คือ แป้งเจิมพระ (ดินสอพอง)
เนื่องจากตุ่มใส่น้ำมนต์ ซึ่งพระอาจารย์ใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ
ผู้ใดที่ผ่านการอาบน้ำมนต์ในตุ่ม ปรากฏว่าชีวิตจะดีขึ้นแทบทุกคน
ซึ่งเนื้อหรือมวลสารของพระชุดนี้ ไม่สามารถนำมาทำพระปลอมได้เลย
(อายุของเนื้อพระไม่ต่ำกว่า 600 ปี)
.
การหล่อพระทำแบบโบราณ ซึ่งการทำพระปลอมในปัจจุบันจะไม่หล่อแบบนี้
(ใช้บล็อก) สามารถบิดงอองค์พระได้ ซึ่งจะมีอยู่เพียงกรุเดียวเท่านั้น คือ
กรุพระร่วงรางปืน สุโขทัย สนิมแดง แต่พิมพ์กลับไปละม้ายคล้ายพระกรุวัดราชเดชะ
จังหวัดสุพรรณบุรี
หากจะถามอายุของพระชุดนี้คงตอบไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเนื้อ (มวลสาร)
ตอบได้เลยว่ากว่า 600 ปีอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันจะไม่มีเนื้อแบบนี้อีกแล้ว
ส่วนการพบ พระชุดนี้ได้มาจากกรุ ซึ่งอยู่ตรงรอยต่อของจังหวัดสุพรรณบุรีกับจังหวัดกาญจนบุรี เท่าให้มีข้อสังเกตว่าพระท่ากระดาน “ขุนศึกแห่งลำน้ำแม่กลอง” เนื้อของพระก็เป็นแบบเดียวกันนี้
.
จากหลักฐานที่ปรากฏอย่างแน่ชัด ในเรื่องราวของอำนาจพุทธคุณ “พระร่วง” ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจก่อนเลยว่า จริง ๆ แล้วพระร่วงก็คือ พระนารายณ์ นารายณ์ทั้ง 10 ปาง ที่ว่าด้วยการปราบเรื่องหนัก ๆ ทั้ง 10 เรื่อง เราจะเห็นว่าพระนารายณ์มหาราช พระองค์ทรงมีพระราชอำนาจมาก และใครก็ตามหากเป็นผู้ที่มีอำนาจ ล้วนจะมีชื่อเป็นพระนารายณ์ทั้งหมด พระร่วงรางปืนก็คือ พระนารายณ์มหาราช สร้างในสมัยพระนารายณ์มหาราช
.
หากจะมีการสันนิษฐานว่าพระชุดนี้ สร้างเมื่อ 600 ปี ในสมัยของสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช แล้วนำมาฝากกรุ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ปัญหาคือยังไม่เป็นที่ยืนยันบนสนามพระ ซึ่งท่านอาจารย์แขกได้นำพระร่วงในชุดนี้ ไปให้เซียนพระที่มีชื่อเสียงบนห้างฯ ตรวจสอบ ทันทีที่ได้เห็นพระร่วง เซียนพระได้บอกกับอาจารย์แขก “เป็นพระพิมพ์กรุของวัดราชเดชะ จังหวัดสุพรรณบุรี” ท่านอาจารย์แขกจึงถามต่อไป “แล้วเป็นพระแท้หรือเปล่า?” เซียนพระตอบ “การหล่อพระแบบนี้ ปัจจุบันทำไม่ได้แน่นอน” คือ รายละเอียดต่าง ๆ ที่ปรากฏบนองค์พระ มีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันเลย แสดงว่าไม่ได้เป็นพระถอดพิมพ์อย่างแน่นอน
.
อาจารย์แขกต้องการทดสอบเพื่อความชัวร์ จึงได้ถามย้ำกลับไปว่า
“เป็นพระเก่าแน่นะครับ” เซียนพระได้ย้อนคำถาม “ยังข้องใจอะไรอีกหรือ
อาจารย์แขกขายหรือเปล่า?” อาจารย์แขกตอบ “ขายครับ
หากเฮียดูเป็นพระกรุวัดราชเดชะ” เซียนพระเริ่มสนใจ “แล้วอาจารย์แขกตั้งราคาเท่าไหร่?”
อาจารย์แขก “ผมตั้งแสนห้า” เซียนพระ “ผมขอ 70,000” อาจารย์แขก
“ผมขอ 75,000 แล้วกัน” เซียนพระ “เอาพระมาเลย”
พูดจบก็ส่งเงินให้ท่านอาจารย์แขก 75,000 บาท
.
เมื่อข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป ปรากฏว่าบรรดาเซียนพระ “ตัวจริง”
บนห้างพันธุ์ทิพย์เป็นจำนวนมาก ได้เข้ามาในร้านมันตระสยาม
เพื่อที่จะขอเช่าพระร่วง ในเวลานั้นท่านอาจารย์แขกเริ่มสับสน เราจะขายพระร่วงทั้งหมดให้เซียนพระดีมั้ย แต่อีกใจก็นึกถึงสมาชิกของมันตระสยาม ซึ่งท่านอาจารย์แขกมองว่า
สมาชิกเป็นเสมือนคนครอบครัว พระดี ๆ อย่างนี้ไม่ใช่จะหากันได้ง่าย ๆ
ซึ่งการที่คนเรามีพระเก่าเก็บไว้ เปรียบเสมือนการเสริมบารมีให้ตัวเอง อาจารย์แขกจึงตัดสินใจปฏิเสธเซียนพระทั้งหมด และตัดสินใจ “รันเลข+ตีโค๊ด” เพื่อให้คนทั่วไปรู้ว่า เป็นพระร่วงของท่านอาจารย์แขก
.
วัตถุมงคลที่ดีต้องผ่านการ “ปลุกเสก” แน่นอน พระร่วงชุดนี้ท่านอาจารย์แขก “ยืนยัน” ผ่านการปลุกเสกมาเป็นเวลาถึง 4 ปีเต็ม แต่เพื่อความชัวร์ ท่านอาจารย์แขกได้นำมา “ปลุกเสก”
บนสำนักอีกครั้ง แต่ก็แทบจะอัดไม่เข้า เนื่องจากพระพุทธคุณในองค์พระรุนแรงมาก
โดยจะหนักไปในเรื่องของอำนาจและโชคลาภ และยังเป็นพระประจำวันจันทร์ คือ
หากคนเกิดวันจันทร์มีพระพิมพ์นี้ บูชา จะยิ่งเป็นการเสริมบารมีตัวเอง (พระปางนี้ คือ พระพุทธเจ้าทรงเสด็จลงมาจากดาวดึงค์ เพื่อโปรดพระมารดา) และ ดาวจันทร์ยังส่งผลเรื่องการเงิน เรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน เงินทอง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ จึงกล่าวได้ว่าพระประจำวันจันทร์ เป็นพระที่มีความเป็นสุดยอด (อาจารย์แขกยังแขวนพระประจำวันจันทร์)
.
พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระเสริมบารมีให้กับคนเกิดวันจันทร์ ซึ่งคนที่เกิดวันอื่น ๆ ก็สามารถบูชาได้เช่นกัน อำนาจพุทธคุณที่มีอยู่ในองค์พระ โดดเด่นทางเรื่องคงกระพันชาตรี โชคลาภ เมตตามหานิยม สำหรับราคาพระร่วงในชุดนี้ เซียนพระบนห้างพันธุ์ทิพย์เช่า ในราคา 75,000 บาท แต่สำหรับท่านผู้อ่านนิตยสารมันตระสยาม ท่านสามารถเช่าในราคาถูกอย่างน่าใจหาย แต่พระมีจำนวนน้อยมาก
